กำหนดสถานที่จัดงาน (Indoor / Outdoor)
ประเมินปริมาณโหลดไฟฟ้าที่ต้องใช้ (kW/kVA)
แบ่งประเภทการใช้งานไฟ เช่น
เวที / ระบบเสียง
แสงสว่าง
จอ LED / โปรเจกเตอร์
บูธแสดงสินค้า
Catering (ตู้แช่, เตาไฟฟ้า, พัดลม, แอร์เคลื่อนที่)
เลือกแหล่งจ่ายไฟ (ไฟฟ้าหลัก, เครื่องปั่นไฟ, หรือทั้งสอง)
เครื่องปั่นไฟสำรอง (ขนาดเหมาะสม + น้ำมันเพียงพอ)
ตู้ ATS / ตู้ MDB (สลับไฟ & จ่ายโหลด)
สายไฟ (ยาวพอ, มีมาตรฐาน, กันน้ำสำหรับ Outdoor)
ปลั๊กไฟ, เบรกเกอร์ย่อย (RCB / MCB)
ระบบ Ground (สายดิน) สำหรับความปลอดภัย
ไฟส่องสว่างพื้นที่หน้างาน + ทางหนีไฟ
อุปกรณ์กันฝน / กันความชื้น (กันน้ำ, กันแดด)
ตรวจสอบสายไฟไม่ชำรุด / รอยแตก / ขาด
ยึดสายไฟให้อยู่กับที่ ป้องกันสะดุด
ใช้ปลั๊กพ่วง / เต้ารับที่ได้มาตรฐาน มอก.
ติดตั้งเบรกเกอร์ป้องกันไฟรั่ว (RCB)
มีถังดับเพลิงใกล้บริเวณเวที / จุดเสี่ยงไฟฟ้า
ตรวจสอบระบบไฟก่อนเริ่มงาน 1–2 ชั่วโมง
จัดทีมช่างไฟ standby ตลอดงาน
ตรวจสอบไฟไม่ตก / ไม่เกินโหลด
ตรวจสอบเสียงรบกวนจากเครื่องปั่นไฟ (ถ้าใช้งาน)
มีการสื่อสารกับทีมช่าง (Walkie Talkie/โทรศัพท์)
บันทึกการใช้ไฟ เพื่อควบคุมโหลด
ปิดเบรกเกอร์ทุกชุดตามลำดับ
เก็บสายไฟและอุปกรณ์ให้เรียบร้อย
ตรวจสอบอุปกรณ์ว่าไม่ได้รับความเสียหาย
เคลียร์พื้นที่ให้ปลอดภัย
👉 สรุป:
ระบบไฟสำหรับงานอีเวนท์ ควรเตรียมทั้งแผนการใช้ไฟ, อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน, ระบบป้องกัน และทีมช่าง standby เพื่อให้มั่นใจว่างานจะราบรื่น ปลอดภัย และไม่มีเหตุไฟดับ